น้ำในรอยพระพุทธบาท
สำนักสงฆ์บ้านป่าพระฤๅษีแต่ก่อนเป็นที่สัพภยะ (ที่ซึ่งมีความอาถรรพ์) เดิมเป็นที่ป่าทึบ ในอดีตเส้นทางนาคูยังไม่เจริญต้องใช้เกวียนในการเดินทางหรือใช้เดินเท้า ขณะนั้นอดีตพระสงฆ์สายธรรมยุติทางอีสานจะเดินธุดงค์ไปนมัสการหลวงปู่มั่น ต้องเดินทางผ่านเส้นทางนี้เป็นประจำ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปักกรดของพระสายธรรมยุติ ดังมีชาวบ้านได้เล่าให้ฟังว่าอดีตหลวงปู่ลิงดำ และ หลวงปู่เสาร์ ก็ได้เคยมาปักกรดอยู่ ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้ เมื่อพระสงฆ์มาปักกรดบ่อยๆ ชาวบ้านเกิดความศรัทธาจึงยกให้เป็นที่ของสงฆ์ ตั้งเป็นสำนักสงฆ์ขึ้น มีการสร้างกุฏิ ศาลาการเปรียญ
ในอดีตมีการเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า กุดช้างน้ำ เมื่อมีผู้บำเพ็ญตนมาบำเพ็ญศีลเป็นประจำ กรอปกับบริเวณนี้มีถ้ำที่ใช้ในการบำเพ็ญศีลจึงเรียกว่า “ถ้ำพระฤๅษี” เมื่อ 30-40 ปีที่แล้วได้มีการพบรอยพระพุทธบาท ขณะนั้นพระสงฆ์ที่ได้มาจำพรรษาอยู่ ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้ ก็มิได้คิดทำนุบำรุงหรือมีการพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้อย่างจริงจังแต่อย่างใด พระสงฆ์หลายต่อหลายรูปเมื่อจำพรรษาอยู่ได้ระยะเวลาหนึ่ง ก็จะจากไป อาจจะเนื่องด้วยไม่ได้รับแรงศรัทธาจากประชาชนในท้องถิ่น ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
“สำนักสงฆ์บ้านป่าพระฤๅษี” เป็นสถานที่ “สัพภยะ” (ที่ซึ่งมีความอาถรรพ์) มีสิ่งมหัศจรรย์หลายสิ่งหลายอย่างและเชื่อว่ามีสมบัติซุกซ่อนอยู่ อดีตชาวบ้านต่างเล่าขานกันว่ามีสิ่งของมีค่าอยู่มากมาย แต่ทำไมพระสงฆ์หลายต่อหลายรูปที่ได้มาจำพรรษาแล้วก็จะจากไป โดยมิได้คิดจะทำการทำนุบำรุงพัฒนาสำนักสงฆ์แห่งนี้เลย?
ณ.สถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้ แต่โบราณกาลเชื่อกันว่าเป็นเส้นทางผ่านที่จะขนสมบัติเพื่อไปร่วมกันสร้างพระธาตุพนม ในอดีตได้มีการฝังสิ่งของมีค่าไว้ระหว่างการเดินทาง ต่อมาถึงแม้มีภิกษุจำพรรษาอยู่ ก็ยังมีผู้คนมาขุดหาสมบัติกัน โดยได้มีการทิ้งร่องรอยการขุดค้นไว้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งสามารถจะพบเห็นได้จากหลุมต่างๆบนเนินหิน และชาวบ้านยังมีความเชื่ออีกว่า ณ.ถ้ำพญานาคที่ครูบาน้อยได้ให้ชาวบ้านขนดินมาปิดปากถ้ำ ซึ่งภายในถ้ำมีน้ำท่วมขังอยู่ ก็ยังมีความเชื่อว่าน่าจะยังมีสมบัติโบราณหลงเหลืออยู่บ้าง
ขณะที่ “ครูบาน้อย ถิรวังโส” ได้จำพรรษาอยู่ที่ ณ.วัดปทุมรังสี บ้านวังเวียง อ.นาคู ได้มีโอกาสบิณฑบาต ผ่านไปทางสำนักสงฆ์บ้านป่าพระฤๅษี เกิดแรงบันดาลใจว่า “จะหาโอกาสไปนั่งสมาธิ ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้” และเมื่อมีโอกาสในวันหนึ่งจึงได้เข้าไปเจริญวิปัสสนาประมาณ 3 ครั้ง ซึ่งในขณะนั้นสำนักสงฆ์แห่งนี้เป็นสำนักสงฆ์ล้างไม่มีพระภิกษุจำพรรษาอยู่เลย ขณะที่ครูบาน้อยได้เจริญวิปัสสนาอยู่ได้ประมาณ 2-3 วัน ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่พบเห็นและทราบข่าวเกิดความเลื่อมใส จึงได้นิมนต์ครูบาน้อยให้มาจำพรรษาอยู่ ณ.สำนักสงฆ์บ้านป่าพระฤๅษี เมื่อวันที่ 17 ต.ค. 51
ณ.สำนักสงฆ์แห่งนี้ ครั้งเมื่อครูบาน้อยมาเจริญวิปัสสนา ได้สังเกตพบเห็นสิ่งสำคัญหลายสิ่ง เช่น o รอยพระพุทธบาท ซึ่งมีตาน้ำผุดขึ้น โดยมีน้ำในรอยพระพุทธบาทตลอดเวลา o สระน้ำบนเนินหินซึ่งน้ำในสระไม่เคยแห้งพร้อมทั้งครูบาน้อยได้พบพระบรมสารีริกธาตุบริเวณนี้ด้วย o ถ้ำพญานาค ปัจจุบันได้นำดินปิดปากถ้ำไว้ ซึ่งชาวบ้านมีความเชื่อว่าน่าจะยังมีสมบัติโบราณหลงเหลืออยู่บ้าง o ถ้ำพระฤๅษี อันเป็นที่เคารพ สักการะของชาวบ้านแถบนั้นซึ่งรู้จักกันดี ทั้ง อำเภอนาคู หมู่บ้านวังเวียง บ้านจาน บ้านนากระเดา บ้านกุดตาใกล้ บ้านส้มป่อย และประชาชนอีกหลายหมู่บ้านใน อ.นาคู